9 สิ่งที่ต้องทำใน เทศกาลตรุษจีน เพื่อเสริมความเป็นมงคล
ก้าวเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเทศกาลสำคัญของคนจีนทั่วโลกใกล้เข้ามาแล้ว เทศกาลที่ว่านั่นคือ เทศกาลตรุษจีน หรือเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิ อันเป็นการเริ่มต้นของการเพาะปลูก เนื่องจากช่วงก่อนนั้นเป็นฤดูหนาว หิมะตก ไม่สามารถทำการเกษตรได้ จึงได้กำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิของทุกปีเป็นวันตรุษจีน ซึ่งปี 2564 นี้ วันตรุษจีน ตรงกับวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์นั่นเอง lekdedonline จะพาไปดูว่าในวันนี้พี่น้องชาวจีนเขาทำอะไรกันบ้างนะ
เทศกาลตรุษจีน ในไทย มีวันสำคัญอยู่ 3 วัน
วันจ่าย
วันจ่าย คือวันก่อนวันสิ้นปี ในปีนี้ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งในวันนี้คนจะออกไปหาซื้อของสำคัญต่าง ๆ ที่จะใช้ในวันตรุษจีนมาตระเตรียมไว้ ก่อนที่ร้านค้าต่าง ๆ จะปิด โดยของที่ว่าก็มีตั้งแต่ อาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นวันที่ต้องจุดธูปอัญเชิญตี่จู้เอี๊ย หรือเจ้าที่ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้านในช่วงปีใหม่ปีนี้ด้วย
วันไหว้
วันไหว้ คือวันสิ้นปี ปีนี้ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันไหว้นี้ จะทำการสักการะ 3 สิ่ง ได้แก่ ไป่เล่าเอี๊ย (เทพเจ้า) ทำในช่วงเช้ามืด, ไป่แป๋บ้อ (บรรพบุรุษ) ทำในช่วงสาย และ ไป่ฮ่อเฮียตี๋ (ผี หรือวิญญาณไร้ญาติ) จะทำในช่วงบ่าย
วันเที่ยว
วันเที่ยว คือวันขึ้นปีใหม่ของจีน ในปี 64 ตรงกับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ วันนี้ทุกคนเดินทางไปไหว้ขอพรจากญาติผู้ใหญ่ และผู้ที่เคารพรัก เพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต พร้อมกับมอบส้มสีทองให้ 4 ผล ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชาย
เมื่อทราบถึงวันต่าง ๆ ในเทศกาลตรุษจีนแล้ว ไปดูว่าในวันตรุษจีนนี้ควรทำอะไรบ้าง ซึ่งหลัก ๆ แล้วสิ่งที่ต้องทำในวันตรุษจีนมีอยู่ 9 อย่างด้วยกันดังนี้
9 ข้อที่ควรทำในวันตรุษจีน
ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผี-วิญญาณไร้ญาติ
พิธีการหลักที่ต้องมีในวันตรุษจีน คือการ ไหว้เจ้า, ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีหรือวิญญาณไม่มีญาติ ซึ่งวันไหว้ในเทศกาลตรุษจีนนี้ เรียกว่า “วันซาจั๊บ” ซึ่งการไหว้สามสิ่งนี้ก็เพื่อแสดงความกตัญญู รำลึกถึงเทพเจ้า บรรพบุรษ ที่ทำให้มีกินมีใช้ในทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงน้ำใจ ช่วยเหลือเผื่อแผ่ให้กับผีที่ไม่มีญาติด้วย ส่วนของไหว้ก็มีตั้งแต่ของคาว และของหวาน เป็นต้น
กินเกี๊ยว รวมญาติ
การกินเกี๊ยวในวันนี้ จะว่าไปก็คือการรวมญาตินั่นเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทุกคนต้องมารวมตัวกันกินเกี๊ยวในวันซาจั๊บ เพราะเกี๊ยวนั้นคนจีนถือว่ามีลักษณะคล้ายกับเงินจีน หากมารวมตัวกินเกี๊ยววกันใันวันก่อนปีใหม่ จะทำให้ปีใหม่มีเงินไหลมาเทมาได้นั่นเอง อีกทั้งยังเป็นการอวยพรกันและกันในวันปีใหม่ด้วย
เจ ต้องเป็นอาหารมื้อแรกของวันตรุษจีน
เหตุที่อาหารมื้อแรกในวันปีใหม่จีนต้องเป็นอาหารเจนั้น ก็เพราะเหมือนเป็นการชำระล้างร่างกายไว้รับโชคตลอดทั้งปี และถือเป็นการทำบุญไม่เบียดเบียนสัตว์ในวันปีใหม่ไปในตัว ซึ่งการกินเจวันนี้ถือเป็นบุญใหญ่ เหมือนการกินเจตลอดทั้งปีเลยก็ว่าได้
ทำพิธีรับเทพเจ้า “ไฉ่ซิ่งเอี๊ย”
พิธีรับเทพเจ้า “ไฉ่ซิ่งเอี๊ย” ทำขึ้นก็เพื่อให้พบโชคลาภตลอดทั้งปี เพราะ “ไฉ่ซิ่งเอี๊ย” คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จึงมีการทำ พิธีไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ย ขึ้น อีกทั้งตามความเชื่อเทพองค์นี้จะเสด็จลงมาจากสวรรค์ในวันตรุษจีนเพียงวันเดียวเท่านั้น ผู้คนจึงทำพิธีรับท่าน เพื่อให้ท่านช่วยดลบันดาลความมั่งมี และโชคลาภให้ได้ตลอดทั้งปี
ใส่เสื้อผ้าสีทอง-สีแดง
การใส่เสื้อผ้าสีสดใสในวันตรุษจีน ซึ่งสีที่นิยมได้แก่สีทอง และสีแดงนั้นก็เพราะเป็นสีมงคลหมายถึงความสุข ทรัพย์สมบัติความมั่งคั่ง เมื่อนำมาใส่ในวันปีใหม่ สิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาทั้งปีก็จะสว่างสดใสเป็นมงคลนั่นเอง
ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
ตุ๊ยเลี้ยง ก็คือคำอวยพร ซึ่งการติดคำอวยพร คำที่เป็นมงคลในวันตรุษจีน ก็เพื่อเพิ่มความเป็นศิริมงคล และเติมเต็มให้บรรยากาศตรุษจีนคึกคักมีความสุขมากขึ้น เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องดี ๆ คำที่มงคลตลอดเวลา ในห้วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ ซึ่งตุ๊ยเลี้ยง นิยมติดบริเวณข้างประตูบ้าน และเหนือประตูบ้าน และคำมงคลที่ใช้มากที่สุดคือคำที่มีความหมายว่า ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง
ส้ม 4 ผล กับการไหว้ขอพรผู้ใหญ่
การให้ส้มเพื่อขอพรผู้ใหญ่ในวันตรุษจีนนั้น ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและขอให้เจอแต่โชคลาภเงินทอง เพราะส้มเป็นตัวแทนของทองคำ อีกทั้งการเรียกส้ม ตามภาษาจีนจะพ้องกับเสียงคำอวยพรให้ โชคดี และ เฮง ๆ รวย ๆ ด้วย การให้ส้มอวยพรผู้ใหญ่วันตรุษจีนจะให้ 4 ผลด้วยกัน จากนั้นผู้ใหญ่ก็จะให้ส้มคืน 2 ผล เพื่อเป็นการอวยพรกลับมาเช่นกัน
แจกและรับอั่งเปา
การแจกและรับอั่งเปาในวันตรุษจีนนั้น ก็เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้ย่างกายเข้ามาใกล้ และเป็นการอวยพรให้เจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปี รวมถึงคนจีนมีความเชื่อกันว่า หากให้ไปแล้วก็จะได้รับกลับมาเพิ่มเป็นทวีคูณด้วย คนที่ทำงานแล้วจึงนิยมให้อั่งเปากับคนที่อายุน้อยกว่าในวันตรุษจีนนั่นเอง
เพิ่มมงคลแก่ชีวิต ด้วยไหว้เจ้า
ขั้นตอนนี้คล้ายกับขั้นตอนแรก ซึ่งการทำพิธีนี้ในวันตรุษจีนก็เพื่อแสดงความกตัญญูต่อผู้ล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นการขอพรให้เทพเจ้าและบรรพบุรุษปกปักษ์รักษา ดลบันดาลให้ชีวิตและครอบครัวเจอแต่ความสุขความเจริญในชีวิตตลอดทั้งปี ทำสิ่งใดก็ให้ราบรื่นไม่ติดขัด
อั่งเปา เป็นภาษาจีนที่มีความหมายว่า กระเป๋า หรือซองสีแดง นิยมที่จะนำเอามาใส่เงินแจกในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ ที่เป็นมงคล เนื่องด้วยสีแดงเป็นสีมงคลของชาวจีน อีกทั้งที่ซองยังมีตัวหนังสือมงคล เช่น ความสุข ความร่ำรวย และอายุยืนยาว
การนำกระดาษสีแดงมาเขียนคำอวยพรในเทศกาล งานที่เป็นมงคล โดยจะนิยมเขียนคำอวยพรด้วยตัวอักษรที่เป็นมงคล มีความหมายที่ดี เช่น ร่ำรวย โชคลาภ สุขภาพแข็งแรง
การใช้หมู,เห็ด, เป็ดและไก่ เป็นอาหารคาวเพื่อไหว้เจ้านั้น เพราะถือเป็นของดีของสูง ของคาวเหล่านี้จึงเหมาะเป็นเครื่องเซ่นไหว้กับเทพเจ้าเพื่อให้ท่านพึงพอใจและดลบันดาลให้ผู้ไหว้เจอแต่สิ่งดี ๆ นั่นเอง
สรุป
เทศกาลตรุษจีน แต่เดิมก็คือวันเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือวันขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ มาถึงปัจจุบันนี้เป็นวันเทศกาลเฉลิมฉลองวันปีใหม่ ซึ่ง วันตรุษจีนปี64 ได้ตรงกับวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์ 2564 พี่น้องชาวจีนถือว่าวันนี้เป็นวันดี วันมงคล เริ่มต้นปี ดังนั้นจึงเชื่อกันว่าให้ทำแต่เรื่องดี ๆ สิ่งดีๆ กันตั้งต้นปี เพื่อที่จะเป็นมงคลให้ตลอกทั้งปีจะได้พบเจอแต่เรื่องดี ๆ ทั้งเรื่องโชคลาภ การงาน การเงิน และความรัก
บทความที่น่าสนใจ