Ruay เว็บรวย หวยออนไลน์ lottovip เว็บล็อตโต้วีไอพี mhandee lottoup
lottoup หวยออนไลน์ ได้เงินจริง

ตะลอนไหว้พระวัดสวย ณ วัดสีน้ำเงิน แลนด์มาร์คใหม่ เมืองจันทบุรี

ภาพโบสถ์สูงลิบลิ้ว สีสันแปลกตา แตะตาตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงจากรถ ความงดงามนั้นตรึงตาและตรึงใจจำได้ถึงวินาทีนี้ จนอยากมาแนะนำทุกคนให้รู้จักกับอันซีนแห่งใหม่เมืองจันทร์ อย่างโบถส์สีน้ำเงินเซรามิก ของวัดปากเขมหนู จนได้ชื่อเรียกว่า วัดสีน้ำเงิน ความแปลกแหวกนี้ ได้แต่ใดมา วันนี้หนูษาจะพาทุกคนไปเที่ยวผ่านจอกัน

ขอบคุณภาพจาก paikondieow.com

ประวัติวัดปากน้ำแขมหนู หรือ วัดสีน้ำเงิน

วัดปากน้ำแขมหนู เดิมทีเป็นที่พักสงฆ์และกุฏิชั่วคราว สร้างขึ้นปี พ.ศ. 2456 โดยความร่วมมือของนายปั่น รื่นจิต และชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง เจ้าอาวาสคนแรกของวัดแห่งนี้ คือ พระอาจารย์เครื่อง

ขอบคุณภาพจาก chanjeed.com

ต่อมาพระอธิการผลก็ได้เข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์วัด ท่านได้เปลี่ยนหลังคามุกจากเป็นหลังคาสังกะสี ขณะเดียวกันก็เริ่มมีพระเข้ามาจำพรรษามากขึ้น และได้มีการบูรณะวัดครั้งใหญ่อีกครั้ง ในสมัยพระครูยมเป็นเจ้าอาวาส หรือช่วงปี พ.ศ. 2479-2499 คือเปลี่ยนจากหลังคาสังกะสีไปมุงหลังคากระเบื้อง สร้างอาคารถาวรเป็นกิจจะลักษณะ และเริ่มสร้างพระอุโบสถตามแบบมาตรฐาน ซึ่งได้รับวิสูงคามสีมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2489 เขตวิสูงคามสีมา กว้าง 15 ม. ยาว 30 ม.

*วิสูงคามสีมา หมายถึง  เขตที่พระราชทานแก่สงฆ์เพื่อใช้เป็นที่สร้างพระอุโบสถ*

หลังจากนั้นก็ได้มีการต่อเติมพระอุโบสถอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2493 ในสมัยพระครูยมฐานกโร เป็นเจ้าอาวาส แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2499 ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้นสองแสนบาทเศษ และได้ทำการฉลองพระอุโบสถครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 -11 กุมภาพันธ์ 2502 ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 ได้เริ่มก่อสร้างกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2508

พื้นที่ติดทะเล สู่การทรุดโทรมของพระอุโบสถ

สามสิบปีหลังจากนั้น ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2532 พระอุโบสถเริ่มชำรุดทรุดโทรมมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่วัดปากน้ำแขมหนูอยู่ติดกับทะเลซึ่งเป็นน้ำเค็ม มีผลต่อการสึกกร่อนของสิ่งปลูกสร้าง ทำให้โครงสร้างพระอุโบสถผุกร่อนลุกลามไปทั่วจนถึงหลังคา จนไม่สามารถประกอบพิธีทางศาสนาได้เลย

ขอบคุณภาพจาก chanjeed.com

สองปีต่อจากนั้นชาวบ้านจึงลงมติกันให้รื้อโบสถ์หลังเก่า และก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น โดยนำเอารูปแบบพิมพ์เขียวจากวัดสระบาปมาเป็นตัวอย่าง รวมถึงไปดูรูปแบบก่อสร้างโบสถ์วัดอื่น ๆ ด้วย จนกระทั่งไปเห็นวัดแห่งหนึ่งใช้กระเบื้องเซรามิกมาประดับตกแต่ง และด้วยพื้นผิวเซรามิกนั้นมีความมันเงา คงทนแข็งแรง นั่นเอง จึงจุดไอเดียให้มีการใช้เซรามิกมาเคลือบชั้นปูนพระอุโบสถที่วัด เพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำเค็ม

นอกจากนี้ ยังมีการประสานโรงงานรับเหมาให้ผสมสี ลงในชิ้นงานที่จะนำมาปิดเคลือบผนังปูน ตลอดจนชิ้นส่วนลวดลายต่างๆ ที่จะนำมาประดับตกแต่งโบสถ์ทั้งหลังโดยเฉพาะ เพื่อลดเวลาการก่อสร้าง และไม่ต้องทาสีซ้ำบ่อย ๆ แถมลดการเสื่อมสภาพจืดจางของตัวสีได้อีกด้วย

สีน้ำเงินตัดขาว ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร

สาเหตุที่เลือกประดับลวดลายลงพื้นโบสถ์ด้วย สีน้ำเงิน เพราะเห็นว่า.. ภาชนะลายครามที่ทำจากเซรามิกสมัยโบราณ ใช้สีหลักเพียงสองสีเท่านั้น คือพื้นสีขาว ตัดลวดลายด้วยสีน้ำเงิน พอลองมาใช้กับโบสถ์ ก็เห็นว่าสวยโดดเด่น และแปลกตาดีจึงได้นำมาใช้ประดับตกแต่ง พระอุโบสถเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จนกลายมาเป็น โบสถ์สีน้ำเงิน อย่างที่เราเห็นนั่นเอง

ขอบคุณภาพจาก paikondieow.com

จุดห้ามพลาด!!! บนโบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน

มาถึงวัดสีน้ำเงินกันทั้งที รับรองว่ามีมุมมากมายให้เราได้แวะถ่ายรูปและไหว้พระกันไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งจุดที่เราอยากแนะนำก็มีด้วยกัน 3 จุดด้วยกัน ดังนี้

  • บรรไดพญานาค 5 เศียร ทอดยาวขึ้นพระอุโบสถ สวยเด่นจนต้องหยุดยืนดูดี ๆ
  • สักการะพระพุทธรูปบนอุโบสถชั้นบน
ขอบคุณภาพจาก Pantip
  • ชั้นล่างของพระอุโบสถนั้นมีพระพุทธรูปองค์ดำประดิษฐาน ให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ไปสักการะกัน
ขอบคุณภาพจาก Pantip

การเดินทางไป วัดสีน้ำเงิน

สำหรับใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวที่นี่ บอกเลยว่าไปง่ายม๊ากกกกก …. วัดปากน้ำเขมหนู  อำเภอท่าใหม่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี ประมาณ 28 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิท จันทบุรี-กรุงเทพฯ มาตามเส้นทาง ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต เลียบชายหาดเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ หรือ ถนนหมายเลข 4036 จนมาถึงสะพานเฉลิมเกียรติ หรือสะพานปากน้ำแขมหนู (ซึ่งจุดนี้เสามารถมองเห็นวิวปากอ่าวทะเลโดยรอบ ตลอดจนโบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมชายฝั่งปากอ่าวด้วย) เมื่อลงจากสะพานให้เลี้ยวซ้าย ก็จะถึงวัดปากน้ำแขมหนู

สรุปส่งท้าย

Unseen แห่งใหม่เมืองจันทบุรีอย่าง วัดสีน้ำเงิน หรือวัดปากเขมหนูนั้น กำลังได้รับความนิยมจากพุทธศานิกชนผู้มีจิตศรัทธาและนักท่องเที่ยวจากสุกสารทิศ ด้วยรูปแบบการสร้างและการออกแบบที่ไม่เหมือนโบสถ์ที่เราเคยเห็น ๆ กัน ซึ่งใช้สีเหลืองทองเป็นหลัก ทว่าที่นี่กลับใช้สีน้ำเงินตัดขาว นั่นจึงเป็นจุดดึงดูดให้ใครต่อใครแวะเวียนมาที่นี่ เรียกได้ว่าถ้าได้ไปเมืองจันทร์แล้วละก็แทบจะไม่มีใครพลาดแวะวัดสวยงามแปลกตาแห่งนี้ รับรองเลยว่าได้มาแล้วนอกจากจะอิ่มบุญ อื่มใจ ยังได้รูปสวย ๆ กลับไปอีกเพียบ วัดสวยขนาดนี้ก็ต้องไปเช็คอินสักครั้งแล้วล่ะ ว่าไหมม!!!!