บทสวดป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากชีวิต!!
คงเคยได้ยินประโยคคุ้นหูอย่าง เกิด เเก่ เจ็บ ตาย เรื่องธรรมดาของชีวิต โรคภัยไม่เข้าใครออกใคร ไม่เลือกฐานะ ไม่เลือกอายุ ไม่เลือกอาชีพ ต่อให้ดูเเลสุขภาพดีเเค่ไหน รวยล้นฟ้าเพียงใด เเต่บทจะป่วยก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี เขาถึงว่า …. การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ …… มากกว่ามีเงินทองเสียอีก คิดดูสิ!!! ถ้าเราป่วยขึ้นมา ชีวิตคงวุ่นวายน่าดู ทั้งทำงานไม่ไหว ไปเรียนไม่ได้ ต้องไปหาหมอเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ป่วยมาทีใจก็หมองหม่น เศร้าซึม จนต้องหาที่พึ่งทางใจ หันหน้าเข้าหาธรรมมะ เพื่อเข้าใจภาวะของชีวิต สวดมนตร์ภาวนา เพื่อเพิ่มพลังกายเเละพลังใจให้เเก่ตนเอง เผื่อว่าบุญกุศลพวกนั้นจะนำพาให้เราหลุดพ้นจากสภาวะทุกข์เหล่านี้ได้ เเละหนึ่งในบทสวดมนต์ที่ผู้เฒ่าผู้เเก่จะพร่ำบอกให้เราสวดเสมอยามป่วยไข้นั่นคือ บทสวดโพชฌังคะปะริตตัง หรือ โพชฌงค์
ตำนาน ‘โพชฌงค์’
โพชฌงค์ เป็นหลักธรรมสำคัญหมวดหนึ่งเเห่งการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทั้งหลายจะรู้จักชื่อบทสวดมนต์ โพชฌงคปริตร เป็นพุทธมนต์สำหรับสวดยาวสาธยาย เพื่อให้ผู้ป่วยได้ฟังเเละหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เลยเรียกกันว่า บทสวดโพชฌงค์
ที่เชื่อว่าจะช่วยให้หายป่วยนั่นเพราะว่า.. มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎกเล่าว่า พระมหากัสสปะ เคยอาพาธ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมเเล้วเเสดงเรื่องโพชฌงค์ เมื่อพระมหากัสสปได้ฟังก็เพลิดเพลินในธรรมก็หายอาพาธ ต่อมาเมื่อถึงคราวที่พระโมคคัลลานะ อัครฝ่ายซ้าย อาพาธบ้าง เมื่อพระพุทธเจ้าเเเสดงเรื่องโพชฌงค์ให้ฟังก็หายป่วยเช่นกัน พอถึงตอนพระองค์อาพาธให้พระสงฆ์อย่างพระมหาจุนทะ เเสดงเรื่องโพชฌงค์ ก็หายจากโรคอย่างอัศจรรย์ …. จากเรื่องดังกล่าวนี่อีก ผู้คนก็เลยเชื่อว่าบทโพชฌงค์ สวดเเล้วจะช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
องค์เเห่งการตรัสรู้เเละสุขภาพที่เเข็งเเรง
หลักธรรมที่เป็นองค์ประกอบของการตรัสรู้ หรือ โพชฌงค์ 7 นั้นมีหลักด้วยกันทั้งหมด 7 ประการ
- สติ : ความระลึกได้
- ธรรมวิจัย : การวิจัยข้อธรรม
- วิริยะ : ความเพียร
- ปีติ : ความเอิบอิ่มในธรรม
- ปัสสัทธิ : ความระงับ
- สมาธิ : ความตั้งใจมั่น และ
- อุเบกขา : ความวางเฉย
บทสวด โพชฌงค์ 7
เเปลออกมาได้ว่า …. โพชฌงค์ ๗ ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ๗ ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับความลำบาก จึงทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม โรคก็หายได้ในบัดดล
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ องค์นั้น หายแล้วไม่กลับเป็นอีก ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ.
หลักธรรมเเห่งการต่ออายุ
หลักธรรมหรือบทสวดโพชฌังคะปะริตตัง จึงถือเป็นมนต์ต่ออายุให้คนเจ็บป่วย หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งลายทั้งปวง ในพระไตรปิฎกกล่าวว่า.. ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกับปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส อันจะช่วยรักษาใจให้สุขสงบ เย็นสบายได้ จิตใจมีความสัมพันธ์กับร่างกาย เมื่อจิตใจไม่ป่วย ร่างกายก็ย่อมไม่ป่วยไปด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด อาการเจ็บป่วยไม่ว่าจะร้ายเเรงหรือไม่ เปรียบเหมือนสัญญาเตือนให้เราหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเอง ไม่ให้ประมาทกับการใช้ชีวิต หากเราเอาเเต่สวดมนต์ภาวนาเพียงอย่างเดียว เเต่ละเลยการใส่ใจสุขภาพ โรคภัยก็มาถามหาท่านได้เช่นกัน รักษาสุขภาพกายสุขภาพจิตควบคู่กันไป เพื่อชีวิตที่เป็นสุขห่างไกลโรคภัยนะคะ
สรุป
โพชฌงคปริตร เป็นหลักธรรมเเห่งการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพุทธมนต์สำหรับสวดยาวสาธยาย เพื่อให้ผู้ป่วยได้ฟังเเละหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เปรียบเสมือนมนต์ต่ออายุให้คนเจ็บป่วยให้หายจากโรคภัยอันตราย ด้วยหลักความเชื่อที่ว่า… ร่างกายกับจิตใจทำงานสัมพันธ์กัน เมื่อเราทำจิตใจให้ผ่องใส ปลอดโปร่ง ก็จะทำให้ร่ายการของเรานั้นเเข็งเเรงไปด้วยนั่นเอง